อารมณ์โมโห โกรธ หงุดหงิด (รวมถึงอารมณ์ด้านลบอื่นๆ เช่น เศร้า เสียใจ ท้อใจ ฯลฯ) ไม่ใช่เรื่องแย่ ที่พ่อแม่ต้องไปหงุดหงิดตาม แต่เป็นโอกาสที่ดีที่จะสอนให้ลูกรู้จักและเรียนรู้เรื่อง อารมณ์โดยเฉพาะอารมณ์ตนเองค่ะ

และวิธีที่ช่วยจัดการอารมณ์ของเด็กขี้โมโหมีดังนี้ค่ะ

 

1. พ่อแม่ต้องทำความเข้าใจว่าอารมณ์เป็นเรื่องธรรมชาติ ไม่มีผิดถูก เป็นเรื่องส่วนบุคคลของคนคนนั้นที่พ่อแม่ก็ไม่มีสิทธิ์บังคับไม่ให้เกิดหรือบังคับให้ลูกรู้สึกอย่างนั้นอย่างนี้ได้  ดังนั้น การไปห้ามว่า ลูกอย่าโมโหสิ อย่าโกรธแบบนี้นะ ไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้นยิ่งทำให้ลูกต้องเก็บกดอารมณ์แทน (เพราะโดนห้าม) กลายเป็นเด็กที่สะสมความโกรธ ขี้ฉุนเฉียว และรอวันระเบิดออกมา

 

2. เราไม่จำเป็นต้องปฏิเสธหรือห้ามอารมณ์ทางลบพวกนี้ เพียงแค่พ่อแม่ ยอมรับว่ามันเกิดขึ้น และบอกให้ลูกยอมรับมันเช่นเดียวกัน พ่อแม่สามารถบอกตัวเองในใจได้ว่า โอเค ตอนนี้ลูกกำลังโกรธนะ

 

3. การบอกให้ลูกยอมรับ ทำได้โดยการ สะท้อนอารมณ์และไม่จำเป็นต้องสอนอะไรมากมายในช่วงนั้น เช่น

ลูกกำลังโมโหอยู่นะ     หนูหงุดหงิดอยู่ใช่มั้ยลูก   การสะท้อนอารมณ์ จะทำให้ลูกเกิดการรับรู้อารมณ์ตัวเอง เข้าใจตัวเองขึ้น และลูกจะรู้สึกดีขึ้น ที่พ่อแม่เข้าใจและยอมรับความรู้สึกของเขา ไม่ตัดสินอะไรเขา ทั้งหมดนี้จะทำให้เด็กใจเย็นลงเอง

 

4. ให้เวลากับลูก ได้ทบทวน และจัดการอารมณ์สักหน่อย โดยที่พ่อแม่อาจจะนั่งเป็นเพื่อนอารมณ์กับเขา โดยที่ยังไม่ต้องพูดอะไร แต่กรณีที่เราเองก็อารมณ์เสีย หรือตัวกระตุ้นให้ลูกโมโห คือเราเอง อาจต้องปล่อยให้ลูกอยู่คนเดียวก่อน

โดยบอกลูกสั้นๆด้วยท่าทีสงบว่า ไว้ลูก (กับแม่) อารมณ์ดีขึ้น เราค่อยมาคุยกันต่อนะ

 

5. เมื่ออารมณ์ดีขึ้น จึงเป็นช่วงที่พ่อแม่กับลูกได้มาทบทวน เรียนรู้ร่วมกัน สอดแทรกคำสอนกับลูกได้ครับ (รีบสอนตอนลูกกำลังโมโห ไม่ได้ประโยชน์อะไร)

 

6. การฝึกให้ลูกรับรู้อารมณ์ตัวเองบ่อยๆ จะทำให้ลูกเกิดความตระหนักกับอารมณ์ตนเอง ซึ่งเป็นรากฐานของการพัฒนา EQ

และรู้จักจัดการอารมณ์ตนเองได้อย่างเหมาะสม ไม่กลายเป็นเด็กขี้โมโหครับ

 

7. สำคัญมากคือ คงเป็นไปไม่ได้ หากพ่อแม่ อยากให้ลูกอารมณ์ดี แต่พ่อแม่ยังคงเกรี้ยวกราดกับลูกทุกวันการเป็นตัวอย่างในเรื่องการควบคุมอารมณ์สำคัญมากค่ะ

 

ขอบคุณข้อมูลจาก ชมรมจิตแพทย์เด็กและวัยรุ่นแห่งประเทศไทย